เมนู

หนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?
ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้ไม่ได้
สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ
คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดตามความ
เป็นจริง ซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออก
แห่งเวทนา... แห่งสัญญา... แห่งสังขาร... แห่งวิญญาณ ดูก่อนท่านผู้มีอายุ
นี้เรียกว่าอวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียง
เท่านี้แล.
[331] เมื่อท่านมหาโกฏิฐิตะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตร
จึงได้ถามว่า ดูก่อนท่านโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชา
เป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?
ท่านพระมหาโกฏฐิตะตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อริยสาวก
ผู้ได้สดับแล้วในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด
ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งรูป ย่อมรู้ชัด
ตามความเป็นจริง ซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็น
เครื่องสลัดออกแห่งเวทนา... แห่งสัญญา... แห่งสังขาร... แห่งวิญญาณ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่าวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
จบ โกฏฐิตสูตรที่ 2

10. โกฏฐิตสูตรที่ 3



ว่าด้วยความหมายของอวิชชา และวิชชา



[332] เหตุเกิด (แห่งพระสูตร) ก็เป็นเช่นนั้นแหละ. ท่าน-
พระสารีบุตร นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้ถามท่านพระมหาโกฏฐิตะ

ว่า ดูก่อนโกฏฐิตะ ที่เรียกว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ อวิชชาเป็นไฉนหนอแล
และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วยอวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ?
ท่านพระมหาโกฏฐิตะกล่าวว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ปุถุชนผู้
ไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป
ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติ เครื่องให้ถึง
ความดับแห่งรูป ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเวทนา... ซึ่งสัญญา... ซึ่งสังขาร... ซึ่ง
วิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งความดับ
แห่งวิญญาณ ย่อมไม่รู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติ เครื่องให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่า อวิชชา และบุคคลเป็นผู้ประกอบด้วย
อวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
[333] เมื่อท่านมหาโกฏฐิตะ กล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระสารีบุตร
จึงได้กล่าวคำนี้ กะท่านพระมหาโกฏฐิตะว่า ดูก่อนท่านโกฏฐิตะ
ที่เรียกว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ วิชชาเป็นไฉนหนอแล และบุคคลเป็น
ผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่าไร ? ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
ตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้วในธรรมวินัยนี้
ย่อมรู้ชัดซึ่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งรูป
ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูป ย่อมรู้ชัดซึ่งเวทนา...
ซึ่งสัญญา...ซึ่งสังขาร...ซึ่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมรู้ชัดซึ่งความดับแห่งวิญญาณ ย่อมรู้ชัดซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องให้ถึง
ความดับแห่งวิญญาณ ดูก่อนท่านผู้มีอายุ นี้เรียกว่าวิชชา และบุคคล
เป็นผู้ประกอบด้วยวิชชา ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล.
จบ โกฏฐิตสูตรที่ 3
จบ อวิชชาวรรค

อรรถกถาอวิชชาวรรค



อรรถกถาสูตรที่ 1 ถึงสูตรที่ 10 เริ่มด้วยสมุทยธรรมสูตร



อวิชชาวรรค

มีความหมายง่ายทั้งนั้น. ก็ในวรรคนี้ พระผู้มี-
พระภาคเจ้า ตรัสสัจจะ 4 ไว้ในทุก ๆ สูตร (คือแต่สูตรที่ 1 - ถึง
สูตรที่ 10) แล.
จบ อรรถกถาอวิชชาวรรคที่ 3

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้คือ


1. สมุทยธรรมสูตรที่ 1 2. สมุทยธรรมสูตรที่ 2 3. สมุทย-
ธรรมสูตรที่ 2 4. อัสสาทสูตรที่ 1 5. อัสสาทสูตรที่ 2 6. สมุทย-
ธรรมสูตรที่ 1 7. สมุทยธรรมสูตรที่ 2 8. โกฏฐิตสูตรที่ 1
9. โกฏฐิตสูตรที่ 2 10. โกฏฐิตสูตรที่ 3.